วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เสริมความงาม : รู้จักกับ UV

ผลิตภัณฑ์กันแดดและรังสี UV
บนฉลากผลิตภัณฑ์ประเภทกันแดด (Sun-Block / Sun-Screen) หลายท่านคงเคยเห็นสัญลักษณ์ SPF, PA มาบ้างแล้ว แต่ท่านทราบไหมว่ามีความหมายอย่างไร?

แสงแดดที่ส่องมาบนผิวโลกนั้น นอกจากแสงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแล้ว ยังมีแสง UV รวมอยู่ด้วย แสง UV ที่ทะลุชั้นบรรยากาศมาได้ มี UV-A และ UV-B ส่วน UV-C (แสง UV ที่นิยมใช้ในเครื่องกรองน้ำ) นั้นไม่สามารถผ่านชั้น บรรยากาศเข้ามาได้.

UV-A มีพลังงานต่ำกว่า UV-B แต่อย่างไรก็ดี UV-A มีความสามารถผ่านทะลุเข้าไปสู่ชั้นผิวแท้ได้มากกว่า UV-B, UV-A ไม่ก่อให้เกิดผิวไหม้ แต่สามารณทำให้ เส้นใยคอลลาเจนในชั้นผิวแท้ถูกทำลาย และก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้เกิดริ้วรอย และมะเร็งผิวหนัง.

UV-B มีพลังงานที่สูงกว่า UV-A มาก สามารถผ่านชั้นหนังกำพร้าได้น้อยกว่า UV-A มาก ทำให้เกิดผิวไหม้ อาการแสบร้อน (sunburn) และ มะเร็งผิวหนังได้.

SPF หมายถึงประสิทธิภาพในป้องผิวจากแสงแดดการการไหม้ ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าผิวของคุณทนต่อแสงแดด ได้เป็นเวลา 15 นาทีเกิดการอาการไหม้ การทาครีมป้องกันแสงแดด SPF 30 นั้นจะช่วยให้ผิวจะทดได้ 450 นาที ก่อนที่ผิวจะไหม้ จึงสรุปได้ว่า ค่า SPF เป็นค่าจำนวนเท่าของเวลาในการทนต่อแสงแดด ก่อนที่ผิวจะไหม้ (ป้องกันรังสี UV-B) ดังนั้นครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ ไม่จำเป็นที่จะต้องป้องกันรังสี UV-A ได้ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF ที่สูง ไม่จำเป็นที่จะป้องกันรังสี UV ได้ดีเสมอไป.

PA หมายถึง Protection Grade of UVA หรือระดับการป้องกันแสง UV-A นั้นเอง ซึ่งมีอยู่ 3 ระดับ คือ PA+ , PA++ และ PA+++ โดยที่ PA+++ มีค่าการป้องกันสูงที่สุด PA+ นั้นเหมาะกับการป้องกันทั่วๆไป ส่วนผู้ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรใช้ครีมกันแดดที่มี ระดับการป้องกัน PA++ ขึ้นไป.

Physical กับ Chemical Sun-screen Physical Sun-screen หรือครีมกันแดดชนิดกายภาพ คือเป็นสารที่ช่วยสะท้อนแสงออกไป ซึ่งอาจจะทำให้ดูขาววอก ส่วน Chemical Sun-screen จะทำการดูดซับรังสี UV แทนผิว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสารควบคุมให้ใช้ในปริมาณที่จำกัด ตามกฏหมายเครื่องสำอางควบคุม